วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้




เขาตังกวนสงขลา
เขาตังกวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สงขลา    เป็นเนินเขาสูง จากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลาซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี(อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต ) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์ ใน ทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลาเจดีย์พระธาตุพระเจดีย์หลวง พระเจดีย์หลวงเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวน พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง ของสงขลาจึงมีการบูรณะซ่อม แซมมาโดยตลอด ในปีพ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมสารีริกธาตุ และเครื่องสักการะบูชาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์หลวง เพื่อไว้เป็นที่สักการบูชาของชาวเมืองสงขลาสืบต่อไปประภาคาร ศาลาพระวิหารแดงลานชมวิวเขาตังกวนการเดินทางสู่เขาตังกวน การขึ้นสู่ยอดเขาตังกวน ปัจจุบัน ทำได้  2  วิธี คือ
-
ขึ้นลิฟส์โดยสารจากจุดบริการลิฟส์โดยสาย ณ บริเวนถนนตัดระหว่างเขาตังกวนและเขาน้อย ค่าบริการ ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท เด็ก  20 บาท โดยเปิดบริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. และ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
8.00-19.00
น.
-  
ขึ้นโดยการเดินขึ้นบันไดฝั่งตรงตะวันตก ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามลิฟส์โดยสาร ตลอดระยะทางมีบันไดหิน สลับกับจุดพักและจุดชมวิว เป็นช่วง ๆ ขอดีคือจะสามารถชมมุมมอง ได้หลายมุม หลายระดับ ณ บริเวณบันไดนาค ถึงวิหารแดงจำนวน  145 ขั้น
สามารถเข้าไปดูได้ที่  http://www.paiduaykan.com/province/south/songkhla/pic/tangkouan19.jpg

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้



วัดช้างไห้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์
  เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด คำปรารภของ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธมฺมธโร)
ความเป็นมาของวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)หมู่ที่ ๒ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
วัดช้างให้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า วัดราษฎร์บูรณะ อยู่ที่ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ห่างจากปัตตานีประมาณ 26 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 1,032 กิโลเมตร ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ ตามพระราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๗๔ ตอน ๑๕ หน้า ๔๕๑ - ๒๕๒ เขตวิสุงคามสีมายาว ๘๐ เมตร กว้าง ๔๐ เมตร ทำพิธีผูกพัทธสีมาเมื่อ วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ มีที่ดินที่ตั้งวัดเป็นเนื้อที่จำนวน ๑๒ ไร่ ตามหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๓๔/๒๔๙๘  ช่วงระยะเวลาที่สิ้นสมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดไปแล้วนั้น ไม่มีตำนานและบันทึกรายนามเจ้าอาวาส และเมื่อเข้าถึงยุคสมัยปัจจุบันตั้งแต่พระช่วง เข้ามาแผ้วถางใน พ.ศ. ๒๔๘๐ นั้นสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงป่ารกร้างมีต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้นปัจจุบันก็ไม่ มีให้เห็นแล้วคงมีแต่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่บริเวณด้านข้างของศาลาการเปรียญ ซึ่งชาวบ้านในบริเวณนี้บอกว่าเป็นต้นไม่เก่าแก่ประจำวัดต้นหนึ่งที่เหลือให้ เห็น และวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อใด ? และใครเป็นคนสร้างครั้งแรกนั้นก็ยังหาหลักฐานที่แน่นอนไม่ได้ แต่พอจะจับเค้าความได้ตามหนังสือตำนานเมือง ปัตตานี และเรื่องอื่นๆได้บ้าง ตามหนังสือตำนานเมืองปัตตานีนั้น พระศรีบุรีรัฐพิพิธ (สิทธิ์ ณ สงขลา)ได้รวบรวมไว้ ดังมีข้อความตอนหนึ่งว่า ๒"สมัยนั้น พระยาแก้มดำ เจ้าเมืองไทรบุรี ปรารถนาจะหาที่ชัยภูมิที่ดีสร้างเมืองให้ เจ๊ะสิตี (ผู้ซึ่งเป็น)น้องสาวครอบครอง เมื่อโหรหาฤกษ์ยามได้เวลาท่านเจ้าเมืองก็เสี่ยงสัตย์อธิษฐานปล่อยช้างตัว สำคัญคู่บ้านคู่เมืองออกเดินป่าหรือเรียกว่า ช้างอุปการ เพื่อหาชัยภูมิดีสร้างเมือง ท่านเจ้าเมืองก็ยกพลบริวารเดินตามหลังช้างนั้นไปเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งช้างได้เดินไปหยุดอยู่ ณ ที่ป่าแห่งหนึ่ง (ที่วัดช้างให้เวลานี้) แล้วเดินวนเวียนร้องขึ้น ๓ ครั้ง พระยาแก้มดำ ถืเป็นนิมิตที่ดีที่จะสร้างเมือง ณ ที่ตรงนี้ แต่น้องสาวตรวจดูแล้วไม่พอใจ พี่ชายก็อธิษฐานให้ช้างเดินหาที่ใหม่ต่อไป ช้างได้เดินรอนแรมอีกหลายวัน เวลาตกเย็นวันหนึ่ง ก็หยุดพักพลบริวาร ทางน้องสาวถือโอกาสออกจากที่พักเดินเล่น บังเอิญขณะนั้นมีกระจงสีขาวผ่องตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้านางไป นางอยากได้กระจงตัวขาวตัวนั้น จึงชวนพวกพี่เลี้ยงวิ่งไล่ล้อมจับกระจง กระจงได้วิ่งวกไปวนมาบนเนินทรายขาวสะอาดริมทะเล(ที่ตำบลกรือเซะเวลานี้) ทันใดนั้นกระจงก็หายไป นางเจ๊ะสิตีรู้สึกชอบที่ตรงนี้มาก จึงขอให้พี่ชายสร้างเมืองให้ เมื่อพระยาแก้มดำปลูกสร้างเมืองให้น้องสาวและมอบพลบริวารให้ไว้พอสมควรเรียบ ร้อยแล้วก็ให้ชื่อเมืองนี้ว่า เมืองปะตานี (ปัตตานี) ขณะนั้นพระยาแก้มดำเดินทางกลับมาถึงภูมิประเทศที่ช้างบอกให้ครั้งแรกก็ รู้สึกเสียดายสถานที่ จึงตกลงใจหยุดพักแรมทำการแผ้วถางป่า และปลูกสรางขึ้นเป็นวัดให้ชื่อว่า วัดช้างให้ มาจนบัดนี้   
สามารถเข้าดูรายละเอียดไดที่   http://www.watchanghai.com/Content/frmAboutus.aspx

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้





อยู่ถัดจากหาดไม้ขาวไปจนถึงบริเวณสะพานสารสินและสะพานเทพกษัตรี ซึ่งเชื่อมเกาะภูเก็ตและจังหวัดพังงา ที่บ้านท่าฉัตรไชย ถือเป็นหาดที่อยู่เหนือสุดของเกาะภูเก็ต มีลักษณะเป็นหาดทรายขาวที่สวยงามและเงียบสงบ ทอดยาวขนานกับทิวต้นสน มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ลึกชัน ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ แต่เหมาะแก่การพักผ่อนรับประทานอาหาร มีร้านอาหารหลายร้านตั้งอยู่ในแนวริมชายหาด ดูแผนที่หาดทรายแก้ว
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่  http://www.sawadee.co.th/phuket/beaches.htm#Sai_Kaew_Beach

แนะนำสถานทีท่องเที่ยวภาคใต้



ถ้ำภูผาเพชร ใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก
       ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 9  บ้านควนดินดำ  ต.ปาล์มพัฒนา  อ.มะนัง  จ.สตูล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม อีกแห่ง หนึ่งของจังหวัดสตูล ความสวยงามของถ้ำภูผาเพชร ภายในพื้นที่กว้างขวามโอ่งโถงมโหฬารตระการตา เพดานถ้ำสูง โปร่ง เนื้อที่โดยประมาณ 50 ไร่ ภายในถ้ำธรรมชาติได้รังสรรค์ความสวยงามไว้เป็นรูปแบบต่างๆ เป็นที่แปลกตา และ อัศจรรย์ยิ่งนัก ลีลาของประติมากรรมธรรมชาติอันเกิดจาก หยดน้ำ ทำให้ถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย แบ่งเป็นห้องต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 20 ห้อง เข้าชมถ้ำ ได้แก่ช่วงเวลา 9 โมงเช้าจนถึง 3 โมงเย็น จะปิดทำการเวลา 16.00 น. ถ้ำภูผาเพชร เป็นถ้ำขนาดใหญ่  ถือได้ว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย  และใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก
   ลักษณะภายในถ้ำ
         จะมีไฟและทางเดินที่ทำด้วยไม้ให้นักท่องเที่ยวเดินไปตามทาง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวไปเหยียบย่ำ หินงอกหินย้อยต่างๆ เมื่อเข้าไปในถ้ำจะได้พบกับหินงอกหินย้อยอายุหลายล้านปี  ภายในถ้ำจะเป็นห้องโถงแบบโรมันหลาย ห้อง  บริเวณกลาง ถ้ำเป็นลานกว้างมองขึ้นไปด้านเพดานจะมองเห็นความสวยงามของหินงอกหินย้อยงาม ระยิบระยับ เหมือน ประดับด้วย เพชร อยู่ภายในถ้ำ เป็นวิจิตรตระการตาที่หาดูได้ยาก ภายในถ้ำมีห้องต่างๆ ประมาณ 20 ห้อง ที่เปิดให้นักท่อง เที่ยวชม  และอีกประมาณ 5 ห้องใหญ่ๆที่ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชม  ห้องที่เปิดให้เข้าชมได้แก่ห้อง  ในห้องปะการังที่มีหินงอก หินย้อย ขึ้นอยู่คล้ายปะการังใต้ท้องทะเล มีห้องเห็ด ที่มองดูยังไงก็คล้ายกับเห็ด  ห้องพญานาคที่แต่ก่อนเคยมีน้ำขังอยู่ จนเป็น รอย คล้ายกับพญานาคเลื้อย และน้ำได้ไหลลงมายังห้องอ่างน้ำ ที่หลายคนได้ตั้งชื่อว่าอ่างชูวิทย์ ซึ่งเป็นอ่างใหญ่เป็นชั้นๆ เรียง ตัวลงมาเป็นน้ำตก หากมีน้ำคงจะสวยงามมากเลยทีเดียว ห้องผ้าม่าน เป็นห้องที่เหมือนเป็นผ้าม่านประกายเพชร ระยิบระยับ ตระการตามาก ห้องโดมศิลา  ห้องโถงใหญ่ที่เป็นลานกว้าง แล้วมีหินงอกเป็นรูปร่างเป็นอ่างน้ำเล็กๆ รองรับ หยดน้ำที่ตกลง มาจากเพดาน เมื่อส่องไฟขึ้นไปดูจะเห็นหยดน้ำตกลงมาสวยงามมากๆ เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธ์ จนใคร หลายคนต้องโยน เหรียญลงไปในอ่างพร้อมอธิฐาน และเอามือรองรับหยดน้ำที่หยดลงมา เป็นภาพที่น่ามองเลยทีเดียว เมื่อปรบมือน้ำก็จะหยดลงมามาก ทำให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาปรบมือกันใหญ่เลยทีเดียว จากห้อง โถงใหญ่ไปยังห้องลานเพลิน ที่มองดูคล้ายกับเวทีคอนเสิร์ต ยังไงยังงั้น สวยงามมาก  เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว เราจะพบกับความสวยงาม ตระการตาที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เป็นถ้ำที่ใหญ่ และกว้างมาก เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยสวยงามมาก  ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเดินครบหมดทุกห้อง หินงอกหินย้อยมีรูปร่างแปลกตา มองดูแล้วแต่จินตนาการของแต่คน
 สามรถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่  http://www.ilovesatun.com/?mo=3&art=588819

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้



 หาดปากเมง ตั้งอยู่ที่ ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง อยู่ในการดูแลของ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ห่างจากตัวเมือง 40 กิโลเมตร ลักษณะเป็นชายหาดรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ความยาว 5 กิโลเมตร สวยงาม เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้ำ ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ชิมอาหารทะเลสด ๆ เลิศรส  และเฝ้ารอยลโฉมความงดงามสุดแสนโรแมนติกของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ณ เขาเมง หรือ เกาะเมง สัญลักษณ์ประจำ หาดปากเมง เพราะทันทีที่ถึง หาดปากเมง ภาพแรกที่ดึงดูดสายตาผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดีก็คือ เขาเมง โขดเขาใหญ่กลางน้ำรูปร่างคล้ายคนนอนหงายทอดตัวยาวไปทางด้านเหนือ อาจเพราะความใหญ่ และประวัติ เขาเมง ก็เป็นเรื่องเล่าแฝงคติธรรม สอนให้คนที่ได้ฟังยึดถือในเรื่องความกตัญญูเป็นหลักในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตามซึ่งนอกจากจะเป็นที่ตั้งของ ท่าเรือปากเมง เพราะทริปท่องทะเลตรังส่วนใหญ่จะเริ่มต้นรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ ของทะเลตรังกันที่นี่ หาดปากเมง ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเป็น Unseen อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ หอยตะเภา หอยหายากใกล้จะสูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะสามารถชิมรสชาติความอร่อยของ หอยตะเภา ได้เฉพาะเวลาน้ำลงต่ำสุด เห็นหาดทรายกว้าง 500 เมตร ในช่วงข้างขึ้นหรือข้างแรม 13–4 ค่ำ เท่านั้น จนทำให้เกิดงานอนุรักษ์หอยตะเภา ประจำปีขึ้นทุก ๆ วันเสาร์และอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนและนี่คือ หาดปากเมง สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ที่เราอยากชวนไปท่องเที่ยวกันการเดินทาโดยรถส่วนตัว : ไปตามทางหลวงหมายเลข 4046–4162 (ตรัง-สิเกา-ปากเมง) ระยะทาง 38 กิโลเมตร เมื่อถึงหาดปากเมงเลี้ยวขวาประมาณ 1 กิโลเมตรโดยรถประจำทาง : จากตัวเมืองตรัง โดยสารรถตู้ปรับอากาศ สายตรัง-ปากเมง ค่าโดยสารคนละ 40 บาท
สมารถดูรายละเอียดได้ http://travel.kapook.com/view21464.html